ปัญหาของร้านอาหารไทยในปัจจุบัน
โดย ศนินุช สวัสดิโกศล P. Moral
หนังสือ KING'S BALL นับว่าเป็นหนังสือฉบับเดียวของชาวไทยในแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ที่ออกมาปีละครั้งของสิ้นปีและแจกในงาน KING'S BALL หนังสือนี้จะเป็นการสรุปผลงานต่างๆ ของสมาคมไทยฯ ตลอดปีที่ผ่านมา รวมทั้งรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สำหรับพี่น้องชาวไทยที่พักอาศัยหรือตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐอเมริกา
หลายยุคหลายสมัยที่ผู้เขียน จะถูกขอให้ช่วยเขียนเกร็ดความรู้ต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ให้พี่น้องคนไทยได้รับรู้ ปีที่ผ่านๆ มาก็จะเป็นความรู้เกี่ยวกับการซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือการเดินทาง สิทธิในการใช้ล่ามในโรงพยาบาลหรือศาล ความรู้เกี่ยวกับ FOOD SAFETY สำหรับปีนี้ก็มีหัวข้อที่น่าสนใจอยากจะนำมาบอกเล่ากับพี่น้องคนไทย แต่ผู้เขียนก็คิดหนักเพราะข้อมูลนี้จะเป็นดาบสองคมกับวงการธุรกิจอาหารไทยเป็นอย่างมาก ผู้เขียนได้ใช้เวลาไตร่ตรองอยู่นานกว่าที่จะตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ขึ้น สาเหตุหนึ่งที่ตัดสินใจเขียน ก็เพราะเอกสารต่างๆ เหล่านี้ถูกแปลเป็นภาษาไทย และพร้อมที่จะแจกจ่ายให้เจ้าของร้านและพนักงานในปีหน้านี้แล้ว ฉะนั้นข้อมูลนี้ จะต้องถูกเผยแพร่สู่สายตาท่านอย่างแน่นอน อีกประการในระยะ 2 3 ปีที่ผ่านมาเจ้าของร้านอาหารไทยหลายร้านถูกพนักงานฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เนื่องจากทำงานแล้วได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่า ที่กฎหมายแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดไว้ และในขณะนี้ยังมีอีกลหายร้านที่ถูกฟ้องขึ้นไป และยังไม่ถูกเรียก ซึ่งหมายความว่าท่านเจ้าของร้านยังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกตกเป็นจำเลยในคดีนี้อยู่ ความสัมพันธ์ของเจ้าของร้าน และพนักงานมักจะเริ่มด้วยการทำงานแบบครอบครัว เป็นพี่เป็นน้อง เป็นลุง ป้า อา ตามแบบไทยๆ แต่พอมีปัญหาขัดแย้งขึ้นมาก็จะใส่หน้ายักษ์ สวมหัวโขน ขุดคำพูดต่างๆ นาๆ ขึ้นมาทำให้ช้ำใจกันทั้งสองฝ่าย กรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้เริ่มมีมากขึ้น และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฝ่ายผู้ที่ฟ้องร้องชนะความและได้เงินชดเชยเป็นจำนวนมาก ทำให้พนักงานเหล่านี้เห็นช่องทางที่จะหาเงินใช้โดยง่าย โดยไม่คำนึงถึงบุญคุณของเจ้าของที่เคยหยิบยื่นงานให้เมื่อพนักงานเหล่านั้นเข้ามาสมัครงาน แม้ว่าพนักงานเหล่านั้นจะไม่มีใบทำงานอย่างถูกต้องก็ตาม ในความเป็นคนไทย ผู้เขียนอยากให้พนักงานเหล่านั้นสำนึกถึงบุญคุณของเจ้าของร้านที่เคยช่วยเหลือมา มีอะไรน้อยอกน้อยใจก็พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ไม่ใช่พอมีปัญหาก็ลาออกหรือแจ้ง Immigration บ้าง IRS บ้าง จับมันซะ สะใจดี นี่คือความคิดในขณะนั้น แต่ก่อนที่จะทำอยากให้นึกอีกสักนิดว่าคุณทำร้ายคนกี่คน รวมถึงเพื่อนร่วมงานที่เคยทำงานกับคุณ คนเหล่านี้ก็จะเดือดร้อนด้วย นึกสักนิดนะคะ ทุบหม้อข้าวคน...บาปนะ ส่วนท่านเจ้าของร้านก็เหมือนกันอย่าคิดว่าจ้างพนักงานมาทำงานแล้วจะโขกสับ ดุ ด่า ได้อย่างที่อยากจะทำเพราะอย่าลืมว่า พนักงานเหล่านั้นก็มีหัวใจ ใครจะทนให้โขกสับได้ตลอดไป หรือบางครั้งที่ต้องทนเพราะต้องการงานทำ ถ้าพนักงานมี ความรู้สึกแบบนี้แล้ว ผลการทำงานก็จะไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่ได้ทำงานจากใจ และความรู้สึก ฉะนั้นผู้เขียนอยากให้ทั้งสองฝ่ายทำงานกันเหมือน น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า แล้วทั้งสองฝ่ายก็จะมีความสุขทั้งคู่
ในวงการร้านอาหาร เราควรจะรวมตัวกันสักครั้ง เพื่อปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราควรมีวิธีการที่จะตั้งราคาอาหาร ผนึกกำลังกันเดินหน้าไม่ใช่แข่งกันลดราคา ตัดราคากัน จนแทบไม่มีกำไรเหลือจนต้องมาบีบเอากับพนักงาน และไม่สามารถจ่ายค่าแรงได้ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ถ้าเราไม่สามารถรวมตัวกันปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบนี้ ไม่ช้าอาหารไทย ก็จะตกลงเนื่องจากอาหารอินเดียกำลังมาแรง และคนนิยมมากขึ้น ผู้เขียนอยากฝากข้อคิดตรงนี้ไว้กับคนไทยทุกคนที่มีธุรกิจ หรือทำงานเกี่ยวกับร้านอาหารไทย ผู้เขียนเองเคยคิดที่จะทำการพูดคุยในกรณีนี้ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบางสมาคม เพราะผู้เขียนจะเป็นผู้อภิปราย และให้ข้อมูลโดยมีนักวิชาการจากสาขาต่างๆ เช่น Health Department, Immigration, Labor commission และ IRS เข้าร่วมอภิปราย คำปฏิเสธที่เสียดแทงความรู้สึกมากก็คือ ไม่แคร์กับอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผู้เขียน โธ่... ทำไมไม่คิดว่าข้อมูลเหล่านั้น เป็นข้อมูลที่คนไทยต้องการเพื่อประโยชน์ของพี่น้องคนไทยด้วยกันล่ะ อย่าคิดว่าจะเสียหน้าไว้หน้า ควรทำเพื่อสังคมจริงๆ กันซะที แต่บอกซะก่อนนะว่าผู้เขียนไม่ท้อแท้แน่นอน ทำแน่ๆ ค่ะ เพื่อสังคม ถ้าผู้ใดมีคำถามมีปัญหา ในกรณีที่กล่าวมาทั้งหมด ก็โทรหาผู้เขียนได้โดยตรง ขอเวลาหาสถานที่และสปอนเซอร์นิดหนึ่ง เพราะเราควรมีอะไรตอบแทนสำหรับเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมอภิปรายนิดหน่อย ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการเป็นข่าว
อีกกรณีหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ การคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ปัญหาต่อเนื่องที่คนไทยไม่คุ้นเคย และไม่ทราบว่าละเมิดสิทธิ์ข้อนี้ตามกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย คือการพูดจากกับพนักงานหรือเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องเพศที่ส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือแม้แต่พูดจาสองแง่ และกำกวมเกี่ยวกับเรื่องเพศ รวมทั้งใช้สายตาหรือท่าทางที่ไม่สุภาพแทะโลม ก็ถือว่าเป็นความผิด สามารถฟ้องร้องได้ คดีตัวอย่างก็มีนะคะ แต่ปิดกันเงียบเพราะกลัวเสียหน้าและเอาเป็นว่าระวังตัวซักหน่อย ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพื่อความสุขของตัวเองและผู้อื่น โดยเฉพาะชื่อเสียงของตนเองและครอบครัว ปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆ ในกรณีข้างต้นสามารถรับการช่วยเหลือจากหน่วยงาน ของรัฐบาลได้ตลอดเวลา โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยหรือไม่เสียเลยอีกทั้งยังมีหน่วยต่างๆ ที่ช่วยทำคดีให้อีกด้วย ถ้าท่านประสบปัญหาดังกล่าวกรุณาแจ้งที่หน่วยงานใด จะโทรปรึกษา ผู้เขียนก็ได้ บางครั้งการพูดคุยหรือเจรจากันอาจทำให้กรณีพิพาทยุติ ก่อนที่จะเป็นเรื่องราวใหญ่โตก็ได้
สุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่าคงจะไม่ได้ยินหรือทำคดีทำนองนี้อีกจากสังคมคนไทยนะคะ
รักกันไว้เถิด |
เราเกิดร่วมแดนไทย |
จะเกิดภาคไหนไหน |
ก็ไทยด้วยกัน |
เชื้อสายประเพณี |
ไม่มีขีดกั้น |
เกิดใต้ร่มธงไทยนั้น |
ปวงชนทุกคนคือไทย |
<< Back |